ร้านอาหารแนะนำย่านเซ็นทรัล | แหล่งช็อปย่านเซ็นทรัล | ที่พักแนะนำย่านเซ็นทรัล
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจย่าน Central
The Peak & The Peak Tower บนยอดเขา Victory Peak
The Peak เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะว่าเป็นจุดที่สามารถชมความสวยงามของเกาะฮ่องกงได้จากมุมสูง ทำให้เห็นอาคารบ้านเรือนต่างๆ โดยมีอ่าววิคตอเรียกั้นกลางระหว่างเกาะฮ่องกงและเกาะเกาลูน
ด้านบน The Peak จะมีสิ่งที่น่าสนใจคือ The Peak Tower, The Peak Galleria, EA Experience, พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Madamme Tussud's และ หากต้องการชมวิวแบบชัดเจนที่สุดต้องขึ้นไปบน Sky Terrace
การเดินทางขึ้นไปบน The Peak สามารถใช้บริการรถราง หรือ นั่งรถบัสขึ้นก็ได้
บันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลก
Central Mid-Level's Escalator
Central Mid-Level's Escalator
บันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลกนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮ่องกงเลยครับ
เพราะว่าด้วยระยะทางที่ยาวถึง 800 เมตร และ สองข้างทางของบันไดเลื่อนที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ
อาทิ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ร้านขายของชำร่วย กิ๊ฟช็อป และ ร้านแผงลอยจำนวนมาก
หากใครจะแวะตรงไหน ก็สามารถลงจากบันไดเลื่อนได้เป็นระยะๆ ซึ่งต้องขอบอกว่าคุณอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันๆ ในการเดินเที่ยวอยู่ในย่านนี้เลยก็ได้ครับ
บันไดเลื่อนนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2431 เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับชาวบ้านที่ต้องเดินขึ้นลงเขาทุกวันๆ
การเดินทางมาที่บันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลกให้นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Central Station แล้วเดินออก Exit D2 หลังจากนั้นเดินตามถนน Queen's Road Central ตรงที่ตึก The Center ตั้งอยู่
บันไดนี้เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 06.00 - 22.00 น.
ในช่วงเวลาเร่งด่วน 06.00 - 10.00 น. จะเปิดให้ลงอย่างเดียว
และในช่วงเวลา 10.00 - 22.00 น. จะเปิดให้ขึ้นอย่างเดียว
ข้อควรจำสำหรับการใช้บริการบันไดเลื่อนแห่งนี้ หรือ บันไดเลื่อนที่อื่นๆ ในฮ่องกง ให้เรายืนชิดขวาไว้เสมอและให้เหลือช่องด้านซ้ายมือไว้ เพื่อที่ใครกำลังเร่งเรียบจะได้เดินแซงไปได้
Dr. Sun Yat-Sen Museum
อาคารพิพิธภัณฑ์ด็อกเตอร์ซุนยัดเซ็นแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงชีวประวัติและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ของดอกเตอร์ซุนยัดเซ็นนักปฏิวัติชื่อดังของจีน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการโค่นล้มราชวงศ์ชิง อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋งอีกด้วย
การเดินทางให้นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Central Station หลังจากนั้นเดินออก Exit D2 แล้วขึ้นบันไดเลื่อนไปจนสุดทาง จากนั้นให้เดินไปทางขวามือจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ
เปิดให้บริการ
เวลา 10.00 - 18.00 น. วันจันทร์ , พุธ , ศุกร์ , เสาร์
เวลา 10.17.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดราชการ
หยุดวันพฤหัสบดี , วันที่ 12 พ.ย. , วันที่ 12 มี.ค. และ วันขึ้นปีใหม่
ค่าเข้าชมคนละ 10 HK$
Hong Kong Zoological & Botanical Gardens
ซูโลจิคอลแอนด์โบทานิคอลการ์เดนส์ เปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 ซึ่งก่อนหน้านั้นสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่พำนักของผู้สำเร็จราชการมาก่อน ในภายหลังได้มีการปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะและเปิดให้บริการแก่สาธารณชนในปี พ.ศ. 2414 แต่ใช้ชื่อว่า โบทานิค การ์เด้น และ มาเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่ที่ใช้อยู่จนถึงปัจจุบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518
ภายในถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ สวนสัตว์ และ สวนพันธุ์พืช ซึ่งปัจจุบันมีสัตว์ให้ชมมากว่า 700 สายพันธุ์ และมีพันธุ์พืชมากกว่า 1,000 ชนิด โดยได้มีการแบ่งเป็นโซนย่อยๆ เช่น สวนนก สวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนไผ่ สวนชา สวนปาล์ม สวนสมุนไพร ซึ่งชาวฮ่องกง และ นักท่องเที่ยวนิยมมาออกกำลังกาย และ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนกับครอบครัวเป็นจำนวนมาก
การเดินทางให้นั่งรถไฟใต้ดิน MTR มาลงที่สถานี Central Station แล้วเดินออก Exit 2 หลังจากนั้นเดินไปตามถนน Garden Road
เปิดให้บริการทุกวัน 06.00 - 19.00 น.
ไม่เสียค่าเข้า
เดินชมตึกชื่อดังย่านเซ็นทรัล
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าย่านเซ็นทรัลเป็นย่านที่มีอาคารที่มีชื่อตั้งอยู่เยอะมาก ซึ่งเรามาดูอาคารบางส่วนที่น่าสนใจ ในย่านนี้กันครับ
The Center
อาคารสูง 73 ชั้น ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2541 เป็นตึกระฟ้าที่สูงเป็นอันดับ 4 ของฮ่องกง และ สูงเป็นอันดับ 13 ของโลก มีลักษณะเป็นคล้ายรูปแฉกดาว ซึ่งอาคาร The Center จะมีความสวยงามเป็นอย่างมาก หากมองลงมาจาก The Peak ในยามค่ำคืนเพราะแสงไฟรอบตัวอาคารจะเปลี่ยนสีสลับไปมา
อาคารสูง 73 ชั้น ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2541 เป็นตึกระฟ้าที่สูงเป็นอันดับ 4 ของฮ่องกง และ สูงเป็นอันดับ 13 ของโลก มีลักษณะเป็นคล้ายรูปแฉกดาว ซึ่งอาคาร The Center จะมีความสวยงามเป็นอย่างมาก หากมองลงมาจาก The Peak ในยามค่ำคืนเพราะแสงไฟรอบตัวอาคารจะเปลี่ยนสีสลับไปมา
Two International Finance Centre
อาคารสูง 88 ชั้นแห่งนี้เป็นอาคารที่สูงที่สุดบนเกาะฮ่องกง แต่ถ้าหากนับอาคารอื่นๆ ทั้งหมดในฮ่องกง ก็จะถือว่าเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับ 2 รองจากอาคาร International Commerce Centre ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเกาลูน สำหรับ Two International Finance Centre ประกอบไปด้วย 2 อาคาร คือ อาคารที่ 1 มีทั้งสิ้น 55 ชั้น เป็นที่ตั้งของโรงแรมโฟร์ซีซั่นฮ่องกง ในส่วนของอาคารที่ 2 เป็นอาคารสำนักงาน
ตัวอาคารภายนอกถูกออกแบบคล้ายกับเสาโอเบลิสก์ (Obelisk) ของประเทศอียิปต์ อาคารแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเอกซเพรส ของสถานีเซ็นทรัลอีกด้วย
อาคารสูง 88 ชั้นแห่งนี้เป็นอาคารที่สูงที่สุดบนเกาะฮ่องกง แต่ถ้าหากนับอาคารอื่นๆ ทั้งหมดในฮ่องกง ก็จะถือว่าเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับ 2 รองจากอาคาร International Commerce Centre ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเกาลูน สำหรับ Two International Finance Centre ประกอบไปด้วย 2 อาคาร คือ อาคารที่ 1 มีทั้งสิ้น 55 ชั้น เป็นที่ตั้งของโรงแรมโฟร์ซีซั่นฮ่องกง ในส่วนของอาคารที่ 2 เป็นอาคารสำนักงาน
ตัวอาคารภายนอกถูกออกแบบคล้ายกับเสาโอเบลิสก์ (Obelisk) ของประเทศอียิปต์ อาคารแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเอกซเพรส ของสถานีเซ็นทรัลอีกด้วย
Exchange Square
อาคาร Exchange Square เป็นอาคารสูงที่แบ่งออกเป็น 3 อาคารด้วยกัน คือ อาคารที่ 1 มีจำนวน 52 ชั้น อาคารที่ 2 มีจำนวน 51 ชั้น และ อาคารที่ 3 มีจำนวน 33 ชั้น เริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2526 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 5 ปี และเปิดใช้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2531 อาคารแห่งนี้คืออาการตลาดหลักทรัพย์และองค์กรทางการเงินของฮ่องกง ซึ่งไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปชมด้านใน ยกเว้นชั้นล่างของอาคารที่ใช้เป็นจุดเชื่อต่อไปยังอาคารรอบๆ ซึ่งบริเวณนี้จะมีร้านอาหารและร้านค้าให้บริการ รวมถึงยังมีท่ารถบัสประจำทางเพื่อไปสถานที่ต่างๆ บนเกาะ เช่น หาดรีพัลส์เบย์ , สแตนเลย์ และ The Peak
อาคาร Exchange Square เป็นอาคารสูงที่แบ่งออกเป็น 3 อาคารด้วยกัน คือ อาคารที่ 1 มีจำนวน 52 ชั้น อาคารที่ 2 มีจำนวน 51 ชั้น และ อาคารที่ 3 มีจำนวน 33 ชั้น เริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2526 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 5 ปี และเปิดใช้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2531 อาคารแห่งนี้คืออาการตลาดหลักทรัพย์และองค์กรทางการเงินของฮ่องกง ซึ่งไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปชมด้านใน ยกเว้นชั้นล่างของอาคารที่ใช้เป็นจุดเชื่อต่อไปยังอาคารรอบๆ ซึ่งบริเวณนี้จะมีร้านอาหารและร้านค้าให้บริการ รวมถึงยังมีท่ารถบัสประจำทางเพื่อไปสถานที่ต่างๆ บนเกาะ เช่น หาดรีพัลส์เบย์ , สแตนเลย์ และ The Peak
Jardines House
อาคารทรงสี่เหลี่ยมสไตล์โมเดิร์นแห่งนี้มีความสูง 52 ชั้น สร้างเสร็จและเปิดใช้บริการในปี พ.ศ. 2516 อาคารแห่งนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดของฮ่องกงในช่วงที่มันถูกเปิดใช้งานใหม่ๆ ในช่วงปี 2516 - 2523 หลังจากนั้นก็มีอาคารอื่นผุดขึ้นมามากมายจนปัจจุบันนี้อาคารแห่งนี้ไม่ได้เป็นอาคารที่สูงที่สุดในฮ่องกงอีกต่อไป
ความน่าสนใจของอาคารนี้คือหน้าต่างรูปทรงกลมจำนวนมากรอบๆ ตึก ซึ่งทำให้อาคารแห่งนี้ดูสวยงาม และเป็นอาคารที่ดูสวยงามโดดเด่นอีกอาคารนึงในย่านเซ็นทรัลแห่งนี้
อาคารทรงสี่เหลี่ยมสไตล์โมเดิร์นแห่งนี้มีความสูง 52 ชั้น สร้างเสร็จและเปิดใช้บริการในปี พ.ศ. 2516 อาคารแห่งนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดของฮ่องกงในช่วงที่มันถูกเปิดใช้งานใหม่ๆ ในช่วงปี 2516 - 2523 หลังจากนั้นก็มีอาคารอื่นผุดขึ้นมามากมายจนปัจจุบันนี้อาคารแห่งนี้ไม่ได้เป็นอาคารที่สูงที่สุดในฮ่องกงอีกต่อไป
ความน่าสนใจของอาคารนี้คือหน้าต่างรูปทรงกลมจำนวนมากรอบๆ ตึก ซึ่งทำให้อาคารแห่งนี้ดูสวยงาม และเป็นอาคารที่ดูสวยงามโดดเด่นอีกอาคารนึงในย่านเซ็นทรัลแห่งนี้
HSBC
อาคาร HSBC หรือ ตึกธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ เป็นตึกที่มีลักษณะแปลกตรงที่มีสิ่งก่อสร้างลักษณะคล้าย ๆ กับปืนใหญ่ 2 อันหันหน้าไปทางตึก Bangkok Of China ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องของสิ่งก่อสร้างชิ้นนี้ก็ได้ทำให้เกิดข้อพิพาทกันขึ้นระหว่างตึก HSBC และ ตึก Bank Of China แต่ทาง HSBC อ้างว่าสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่นี้แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงเครนที่เอาไว้สำหรับทำความสะอาดกระจกรอบ ๆ ตัวอาคารเท่านั้นเอง
ชาวฮ่องกงเชื่อว่าอาคาร HSBC นั้นมีฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดในฮ่องกง เพราะที่ตั้งของอาคารเป็นจุดบรรจบของเส้นมังกรทั้งห้า และ การที่ตึกหันหน้าไปทางอ่าววิกตอเรียโดยไม่มีสิ่งก่อสร้างใดกีดขวางก็หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองที่ไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวางนั่นเอง
นอกจากนั้นชาวฮ่องกงเชื่อว่าการได้มาลูบเท้าสิงห์โตที่กำลังนอนหมอบอยู่ด้านหน้าอาคาร HSBC จะเป็นการนำความโชคดีมาให้
อาคาร HSBC หรือ ตึกธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ เป็นตึกที่มีลักษณะแปลกตรงที่มีสิ่งก่อสร้างลักษณะคล้าย ๆ กับปืนใหญ่ 2 อันหันหน้าไปทางตึก Bangkok Of China ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องของสิ่งก่อสร้างชิ้นนี้ก็ได้ทำให้เกิดข้อพิพาทกันขึ้นระหว่างตึก HSBC และ ตึก Bank Of China แต่ทาง HSBC อ้างว่าสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่นี้แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงเครนที่เอาไว้สำหรับทำความสะอาดกระจกรอบ ๆ ตัวอาคารเท่านั้นเอง
ชาวฮ่องกงเชื่อว่าอาคาร HSBC นั้นมีฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดในฮ่องกง เพราะที่ตั้งของอาคารเป็นจุดบรรจบของเส้นมังกรทั้งห้า และ การที่ตึกหันหน้าไปทางอ่าววิกตอเรียโดยไม่มีสิ่งก่อสร้างใดกีดขวางก็หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองที่ไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวางนั่นเอง
สิงห์โตตัวซ้ายชื่อว่า Stephen |
สิงห์โตตัวขวาชื่อว่า stitt |
นอกจากนั้นชาวฮ่องกงเชื่อว่าการได้มาลูบเท้าสิงห์โตที่กำลังนอนหมอบอยู่ด้านหน้าอาคาร HSBC จะเป็นการนำความโชคดีมาให้
Bank of China Tower
อาคาร Bank Of China Tower เป็นอาคารสูง 70 ชั้น มีลักษณะการออกแบบผสมผสานระหว่างอเมริกันกับจีน (Chinese-American) มีรูปทรงที่คล้ายๆ กับดาบแหลมขนาดใหญ่ ส่วนเสาสูงด้านบนคล้ายๆ มีไว้เพื่อสื่อถึงพลังอำนาจและความเจริญรุ่งเรืองให้กับอาคารหลังนี้ ทั้งนึ้ตึก Bank Of China ยังเปิดให้บุคคลทั่วไปได้ขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเกาะฮ่องกงที่บริเวณชั้น 43 ด้วยนะครับ
อาคารหลังนี้เปิดให้บริการ
เวลา 08.00 - 20.00 วันจันทร์ - ศุกร์
เวลา 08.00 - 14.00 วันเสาร์
หยุด วันอาทิตย์
เดินชมอาคารเก่าๆ ย่านเซ็นทรัล
ในย่านเซ็นทรัล นอกจากมีอาคารสูงที่น่าสนใจแล้ว ในย่านนี้ยังมีอาคารเก่าแก่ที่ไม่ควรพลาดชมหลายแห่งนะครับ ด้วยความที่ฮ่องกงเคยถูกอังกฤษเข้ามาครอบครอง ทำให้ปัจจุบันมีอาคารเก่าแก่ที่ดูคลาสสิคให้เที่ยวชม ขอยกตัวอย่างเส้นทางเดินชมอาคารเก่าแก่ดังนี้ครับ
Government House
อาคารสไตล์โคโลเนียลสีขาวแห่งนี้ถูกสร้างในปี พ.ศ. 2394 ก่อนถูกใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลภายใต้การปกครองของอังกฤษ ซึ่งต่อมาในช่วงสงครามโลก ญี่ปุ่นได้เข้ามายึดฮ่องกงไว้ และ ได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวอาคารบางส่วนให้มีความเป็นญี่ปุ่น และ ได้ใช้เป็นสถานที่บัญชาการทางทหาร ซึ่งสไตล์การออกแบบใหม่ในครั้งก็ยังคงถูกรักษาไว้ โดยที่ทางการฮ่องกงยังคงใช้อาคารหลังนี้เป็นทำเนียบรัฐบาลตราบจนปัจจุบัน
อาคารแห่งนี้เปิดให้บริการ
08.00 - 20.00 น. วันจันทร์ - ศุกร์
08.00 - 14.00 น. วันเสาร์
หยุด วันอาทิตย์
อาคารสไตล์โคโลเนียลสีขาวแห่งนี้ถูกสร้างในปี พ.ศ. 2394 ก่อนถูกใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลภายใต้การปกครองของอังกฤษ ซึ่งต่อมาในช่วงสงครามโลก ญี่ปุ่นได้เข้ามายึดฮ่องกงไว้ และ ได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวอาคารบางส่วนให้มีความเป็นญี่ปุ่น และ ได้ใช้เป็นสถานที่บัญชาการทางทหาร ซึ่งสไตล์การออกแบบใหม่ในครั้งก็ยังคงถูกรักษาไว้ โดยที่ทางการฮ่องกงยังคงใช้อาคารหลังนี้เป็นทำเนียบรัฐบาลตราบจนปัจจุบัน
อาคารแห่งนี้เปิดให้บริการ
08.00 - 20.00 น. วันจันทร์ - ศุกร์
08.00 - 14.00 น. วันเสาร์
หยุด วันอาทิตย์
St. John's Cathedral
เดินถัดมาจากอาคาร Government House คือโบสถ์ St. John's Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์สไตล์โคโลเนียล ซึ่งมีความสวยงามและโดดเด่นมาในย่านเซ็นทรัล โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2392 ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ อาทิ พิธีกรรมทางศาสนา งานแต่งงาน และในวันอาทิตย์โบสถ์แห่งนี้ก็ได้ถูกใช้เป็นโรเรียน อีกด้วย
เปิดให้บริการ
09.00 - 18.00 น. วันจันทร์ - เสาร์
10.00 - 14.00 น. วันอาทิตย์
เดินถัดมาจากอาคาร Government House คือโบสถ์ St. John's Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์สไตล์โคโลเนียล ซึ่งมีความสวยงามและโดดเด่นมาในย่านเซ็นทรัล โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2392 ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ อาทิ พิธีกรรมทางศาสนา งานแต่งงาน และในวันอาทิตย์โบสถ์แห่งนี้ก็ได้ถูกใช้เป็นโรเรียน อีกด้วย
เปิดให้บริการ
09.00 - 18.00 น. วันจันทร์ - เสาร์
10.00 - 14.00 น. วันอาทิตย์
Court of Final Appeal
อาคารที่ทำการแห่งใหม่ของศาลคืออาคารเดียวกับ The Legislative Council Building หรือ อาคารรัฐสภาซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับอาคารที่ทำการศาลเดิม
อาคารอิฐสีแดงแห่งนี้ ตั้งอยู่ถัดมาจากโบสถ์ St. John's Cathedral ไม่มากนัก ตัวอาคารยังคงดูสวยงามมากๆ แห่งนี้มีอายุอานามกว่า 150 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2411 เพื่อใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลแห่งแรกในยุคล่าอาณานิคม ซึ่งในภายหลังได้ถูกใช้เป็นที่ทำการศาล แต่ทางการฮ่องกงกำลังจะย้ายที่ทำการศาลไปที่แห่งใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 นี้เป็นต้นไป
ที่ทำการศาลแห่งใหม่ของฮ่องกง เริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 |
The Legislative Council Building
อาคารรัฐสภาสไตล์โคโลเนียล ที่มีโดมอยู่ด้านบนแห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ห่างจากอาคารที่ทำการศาลเดิม (หลังอิฐสีแดง) แค่เดินทะลุตึก HSBC ไปอีกฝั่งก็จะเห็นอาคารนี้ อาคารรัฐสภานี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2455 ด้วยฝีมือการออกแบบของ Sir Aston Webb สถาปนิกชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบงานส่วนหน้าของพระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งก่อนหน้านี้อาคารรัฐสภาแห่งนี้ได้เคยถูกใช้เป็นศาลฏีกา แต่ในภายหลังได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นอาคารรัฐสภาในปี พ.ศ. 2528
อาคารรัฐสภาสไตล์โคโลเนียล ที่มีโดมอยู่ด้านบนแห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ห่างจากอาคารที่ทำการศาลเดิม (หลังอิฐสีแดง) แค่เดินทะลุตึก HSBC ไปอีกฝั่งก็จะเห็นอาคารนี้ อาคารรัฐสภานี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2455 ด้วยฝีมือการออกแบบของ Sir Aston Webb สถาปนิกชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบงานส่วนหน้าของพระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งก่อนหน้านี้อาคารรัฐสภาแห่งนี้ได้เคยถูกใช้เป็นศาลฏีกา แต่ในภายหลังได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นอาคารรัฐสภาในปี พ.ศ. 2528
Statue Square
บริเวณพื้นที่ฝั่งตรงข้ามของอาคารรัฐสภาเรียกว่า Statue Square ซึ่งเป็นลานกว้างที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งบริเวณนี้มีรูปปั้นเก่าๆ ที่ยังคงหลงเหลือให้ได้ชมอยู่บ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรูปปั้นของ Sir Thomas Jackson อดีตผู้จัดการธนาคาร HSBC ที่ทำให้ธนาคารแห่งนี้เติบโตและเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย นอกจากนั้นยังมีลานน้ำพุฟีเจอร์ กำแพงประติมากรรม และ สวนหย่อมให้พักผ่อนอีกด้วย
บริเวณพื้นที่ฝั่งตรงข้ามของอาคารรัฐสภาเรียกว่า Statue Square ซึ่งเป็นลานกว้างที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งบริเวณนี้มีรูปปั้นเก่าๆ ที่ยังคงหลงเหลือให้ได้ชมอยู่บ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรูปปั้นของ Sir Thomas Jackson อดีตผู้จัดการธนาคาร HSBC ที่ทำให้ธนาคารแห่งนี้เติบโตและเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย นอกจากนั้นยังมีลานน้ำพุฟีเจอร์ กำแพงประติมากรรม และ สวนหย่อมให้พักผ่อนอีกด้วย
Gas Lamps on Duddell Street
เที่ยวพักผ่อนบริเวณ Statue Square เสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับมาที่ตึก HSBC และเดินทะลุตึกไปอีกฝั่งจะได้พบกับถนน Duddell Street ตรงนี้จะมีบันไดอยู่ ซึ่งตรงบริเวณบันไดจะมีตะเกียงแก๊สโบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2418 - 2432 แต่ก่อนนี้ตะเกียงประเภทนี้มีจุดอยู่ทั่วเกาะฮ่องกง แต่ในภายหลัง มีเหลลืออยู่เพียงแค่ 4 อันเท่านั้น ซึ่งอยู่ตรงบริเวณถนน Duddell Street นี้แห่งเดียว
ในยามค่ำคืน ตะเกียงนี้ยังคงถูกเปิดใช้งานตามปกติ หากมีโอกาสลองมาเที่ยวชมกันดูนะครับ ของหายากอีกอย่างบนเกาะฮ่องกง
เที่ยวพักผ่อนบริเวณ Statue Square เสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับมาที่ตึก HSBC และเดินทะลุตึกไปอีกฝั่งจะได้พบกับถนน Duddell Street ตรงนี้จะมีบันไดอยู่ ซึ่งตรงบริเวณบันไดจะมีตะเกียงแก๊สโบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2418 - 2432 แต่ก่อนนี้ตะเกียงประเภทนี้มีจุดอยู่ทั่วเกาะฮ่องกง แต่ในภายหลัง มีเหลลืออยู่เพียงแค่ 4 อันเท่านั้น ซึ่งอยู่ตรงบริเวณถนน Duddell Street นี้แห่งเดียว
ในยามค่ำคืน ตะเกียงนี้ยังคงถูกเปิดใช้งานตามปกติ หากมีโอกาสลองมาเที่ยวชมกันดูนะครับ ของหายากอีกอย่างบนเกาะฮ่องกง
Bishop's House
อาคาร Bishop's House เป็นอาคารสไตล์คอลลีจิเอต (Collegiate) ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2391 เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2394 ได้มีการปรับปรุงใหม่ และเปลี่ยนไปเป็นวิทยาลัยเซนต์พอลล์ (St.Paul's) ซึ่งเป็นวิทยาลัยอังกฤษแห่งแรกในฮ่องกง แต่พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วิทยาลัยแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปอยู่ที่ถนนบอนแนม (Banham) แทน และ ได้ทำการปรับปรุงใหม่อีกครั้งก่อนที่จะถูกนำมาใช้เป็นอาคารสำนักงาน
อาคาร Bishop's House เป็นอาคารสไตล์คอลลีจิเอต (Collegiate) ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2391 เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2394 ได้มีการปรับปรุงใหม่ และเปลี่ยนไปเป็นวิทยาลัยเซนต์พอลล์ (St.Paul's) ซึ่งเป็นวิทยาลัยอังกฤษแห่งแรกในฮ่องกง แต่พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วิทยาลัยแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปอยู่ที่ถนนบอนแนม (Banham) แทน และ ได้ทำการปรับปรุงใหม่อีกครั้งก่อนที่จะถูกนำมาใช้เป็นอาคารสำนักงาน
อาคารรูปทรงแปลกตาหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2433 ตามสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ในสมัยนั้นอาคารหลังนี้คือโรงงานผลิตนมและไอศครีม แต่ในภายหลังกิจการได้ปิดตัวลงไปในช่วง พ.ศ. 2513 อาคารหลังนี้จึงถูกปล่อยทิ้งร้างนานกว่า 20 ปี ต่อมาได้ทำการปรับปรุงใหม่ในปี พ.ศ. 2526 ทำเป็นคลับโดยตั้งชื่อว่า Fringe Club ซึ่งภายในประกอบด้วยโรงละครขนาด 100 ที่นั่ง พื้นที่แสดงงานศิลปะ และ ร้านอาหารสไตล์เก๋ไก๋มากมาย
เปิดให้บริการทุกวัน 07.00 - 24.00 น.
เปิดให้บริการทุกวัน 07.00 - 24.00 น.
ร้านอาหารแนะนำย่านเซ็นทรัล | แหล่งช็อปย่านเซ็นทรัล | ที่พักแนะนำย่านเซ็นทรัล